2557/09/29

การปลูกดอก Forget Me Not


การปลูกดอก Forget Me Not
              เนื่องจากเป็นดอกไม้เมืองหนาว จึงควรปลูกในสภาพอากาศที่อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส โดยมีอายุการเพาะเมล็ดจากวันเพาะถึงวันงอกประมาณ 7 วัน จากนั้นจึงค่อยย้ายลงถาดหลุมเพื่อปลูกให้เจริญเติบโตต่อไป ซึ่งจะคัดรุ่นที่โตไล่เลี่ยกันไปเลี้ยงต่อได้อีก 23 วัน ต่อจากนั้นค่อยนำไปลงเลี้ยงในถุงเพาะ เพื่อให้เจริญเติบโต และอุดมสมบูรณ์ ได้ดอกที่สมบูรณ์อีกประมาณ 40-45 วัน จากนั้นก็จะเริ่มออกดอก รวมประมาณ 70-80 วัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย ซึ่งถ้าอากาศร้อนดอกจะบานเร็ว โรยเร็ว แต่ถ้าอากาศหนาวเย็นจะใช้เวลาบานนาน และอยู่นานกว่าจะโรย อีกทั้งยังให้สีสันและดอกที่สมบูรณ์กว่าด้วย ส่วนดินที่ใช้ปลูก จะเป็นดินที่มีอินทรียวัตถุ ระบายน้ำได้ดี จึงต้องเป็นดินร่วนชื้นแต่ไม่แฉะ รดน้ำแค่วันละครั้งก็พอ ในเวลา 6-7 โมงเช้า ทั้งนี้ดอกจะอยู่ในอากาศเย็นได้นานประมาณ 1 เดือน ถ้าอากาศร้อนก็ประมาณ 2 สัปดาห์ ดอกจะโรย
 

 

 

 
 

 

 

 

 

 

ดอก Forget Me Not หมายถึงอะไร

ดอก Forget Me Not หมายถึงอะไร

             แน่นอนว่าดอกไม้ชนิดนี้มีความหมายถึงรักแท้ ความทรงจำแห่งความรัก และเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ซื่อสัตย์ โดยที่ เกาะนิวฟันด์แลนด์ ประเทศแคนาดา ผู้คนจะใช้ดอกไม้นี้เพื่อรำลึกถึงทหารที่สละชีพในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี ซึ่งในปัจจุบันคนส่วนมากมักซื้อ และมอบให้เป็นของขวัญเพื่อเป็นสัญญาณบอกผู้รับว่า "อย่าลืมฉันนะ" ตามชื่อของดอกไม้ อีกทั้งยังนิยมนำมาตกแต่งบนการ์ดที่ขายในวันวาเลนไทน์เพื่อสื่อถึงความหมายสุดโรแมนติกอีกด้วย
























 

ดอก Forget Me Not สัญลักษณ์แห่งความรักโรแมนติก

 



           หากจะเลือกปลูกดอกไม้ หรือหาดอกไม้ไว้มอบให้คนที่รักเพื่อแทนความรู้สึกดี ๆ คุณก็คงจะเลือกดอกไม้ที่มีชื่อไพเราะ มีความหมายดี และสีสวยเป็นแน่ ซึ่งหนึ่งในบรรดาดอกไม้ที่สุดแสนจะโรแมนติกอย่าง ดอก Forget Me Not (ฟอร์เก็ตมีน็อต) ที่มีขนาดเล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม และมีสีฟ้าสดใสนั้น ก็ถือว่าเป็นดอกไม้ที่หลายคนนิยมนำไปมอบให้กับคนที่รัก เพื่อให้ผู้รับรู้สึกได้ถึงความรักที่คุณมีให้ ยิ่งตอนนี้ละครเรื่อง อย่าลืมฉัน กำลังจะออนแอร์ และในละครก็มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าดอกไม้สุดโรแมนติกนี้ด้วย ดังนั้นเรารีบไปทำความรู้จัก ดอก Forget Me Not กันให้มากขึ้นกว่านี้ดีกว่า
 
ตำนานดอก Forget Me Not
            หลายคนให้คำนิยามว่า ดอก Forget Me Not เป็นดอกไม้แห่งความโรแมนติก ก็เพราะมีตำนานความรักสุดซึ้งที่เล่าขานกันมาเกี่ยวกับความเป็นมาชื่อของดอกไม้นี้ว่า ครั้งหนึ่งมีอัศวินหนุ่มในชุดเกราะกำลังเดินเล่นที่ริมธารกับหญิงสาวอันเป็นที่รักของเขา เมื่อสาวเจ้าเห็นดอกไม้ที่ริมธารชูช่อออกดอกสวยงาม ก็เกิดอยากจะได้เจ้าดอกไม้นั้นขึ้นมา ดังนั้นอัศวินหนุ่มจึงอาสาเก็บให้ แต่ก็พลาดท่าเสียหลักลื่นตกลงไปในธารน้ำ ซึ่งชุดเกราะที่หนักหน่วงนั้น ทำให้เขาไม่สามารถว่ายน้ำได้ เขาจึงตัดสินใจโยนดอกไม้นั้นให้เธอ พร้อมกับตะโกนว่า Forget Me Not (อย่าลืมฉัน) และจมหายไป ทำให้หญิงสาวผู้นี้เสียใจเป็นอย่างยิ่ง ดอกไม้ชนิดนี้จึงถูกขนานนามว่า Forget Me Not นับแต่นั้นเป็นต้นมา

 

 




 

 

 

 

 

 

 
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 

2557/09/24

Phakapan - ตำนานผีเสื้อ

ตำนานผีเสื้อ

 


 

เรื่องก็มีอยู่ว่า...
                 จู้อิงไถเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ที่เมืองเมืองหนึ่ง
เธอเป็นคนหัวก้าวหน้าสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นขบถต่อจารีตของจีนในสมัยโบราณ
และโต้เถียงกับบิดาเพราะจะขอไปเรียนหนังสือ
โดยปลอมตัวเป็นผู้ชายไปเรียนที่สำนักแห่งหนึ่ง
ที่นั่นเธอได้รู้จักกับเหลียงซานป๋อ และทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอ
ทั้งสองคนสนิทสนมกันมากจนสาบานเป้นพี่น้องกันเลยทีเดียว
ตลอดเวลาที่เรียนร่วมกันมา อิงไถก็เกิดความรักความผูกพันกับซานป๋อ
เพราะซานป๋อเป็นคนสัตย์ซื่อมีน้ำใจ ในขณะที่อิงไปนคนฉลาดเฉลียว
แต่หลังจากผ่านไป 3 ปี ทางบ้านก็เรียกตัวอิงไถกลับ
ความจริงอิงไถไม่อยากกลับ เพราะรู้ว่าถ้ากลับอาจจะไม่ได้กลับมาเจอกันอีก
แต่ด้วยขัดคำสั่งบิดาไม่ได้ ประกอบกับที่ผู้หญิงมาปลอมตัวและอยู่ร่วมกับผู้ชายตลอด 3 ปี มันลำบาก ในที่สุดอิงไถก็ต้องยอมกลับ
ซานป๋อรู้สึกอาลัยอาวรณ์ในน้องชายคนนี้จึงขอไปส่งลาอิงไถ
ในระยะทางการส่งลา 18 ลี้
อิงไถได้หยิบยกเอาสิ่งที่พบเห็นระหว่างทาง
มาสร้างเป็นปริศนาเพื่อบอกความในใจว่าตัวเองเป็นหญิง
และมีใจต่อซานป๋อถึง 18 ครั้ง
แต่หนุ่มสัตย์ซื่ออย่างซานป๋อกลับไม่เข้าใจ
พอกลับถึงบ้านอิงไถก็พบว่าตัวเองถูกบิดาจับคลุมถุงชน
กับลูกชายเจ้าเมือง เพื่ออำนาจเงินตรา
เมื่อซานป๋อรู้ความจริงว่าอิงไถเป็นหญิง แถมมีใจให้ตัวเอง
ซานป๋อจึงเดินทางมาบ้านสกุลจู้ ขามานั้นแสนยินดีปรีดา
พอมาพบอิงไถถึงได้รู้ว่าอิงไถนั้นหมั้นหมายแล้ว
แถมตัวเองยังถูกกีดกัน จนหอนัดพบต้องกลายเป็นหอพรากจาก
ซานป๋อคับแค้นใจจนกระอักเลือด
อิงไถก็สาบานว่า แม้มีชีวิตไม่อาจครองคู่ ก็ขอร่วมสุสานยามตาย
กลับจากบ้านสกุลจู้ ซานป๋อก็ล้มป่วยตรอมใจจนเสียชีวิต
แม่ซานป๋อก็เอาลูกชายมาฝังไว้ตรงทางไปบ้านสกุลจู้
ประมาณว่าซานป๋อจะได้มองอิงไถตลอดไป
พอถึงวันแต่งอิงไถก็สวมชุดไว้ทุกข์แล้วสวมชุดเจ้าสาวทับ
แล้วตกลงกับพ่อแม่ว่าระหว่างทางจะขอแวะเคารพศพซานป๋อ
พอมาถึงนางก็เปลื้องชุดเจ้าสาวออก นั่งร้องไห้อยู่หน้าหลุมศพ
ตอนนั้นเองฟ้าก็ผ่าลงมา หลุมศพแยกออกกลายเป็นหลุม
อิงไถยินดีกระโดดลงไปในหลุมนั้น
หลังจากนั้นก็มีผีเสื้อสองตัวโบยบินเคียงคู่กันออกมา
กลายเป็นตำนาน ขอกลายเป็นผีเสื้อ โบยบินเคียงคู่สู่สวรรค์




"ผีเสื้อ" จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่อิสระเสรีมาตั้งแต่บัดนั้น
เรื่องนี้มันมีสัญญะในเรื่องของขบถต่อประเพณีเยอะมาก
ถือว่าก้าวหน้าสุดๆ ในยุคพันปีที่แล้ว ...
 

2557/09/22

Phakapan_Butterfly

                  ผีเสื้อ

                               เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและความมั่งคั่งร่ำรวย มีแต่ความสุขสบาย โชคลาภบังเกิดขึ้นเนืองๆ 
                               อาทิลาภลอยต่างๆ




























































































                 ผีเสื้อเป็นเพียงแมลงตัวเล็ก ๆ  โอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อของสัตว์ใหญ่กว่าจึงมีอยู่มาก  ขณะที่ยังอยู่ในระยะของไข่และตัวหนอนนับเป็นช่วงที่อันตรายที่สุด  โอกาสที่จะรอดชีวิตมาเป็นตัวเต็มวัยจึงมีอยู่น้อยมาก  เมื่อเจริญเป็นตัวที่สมบูรณ์แล้วผีเสื้อจึงต้องพยายามเอาชนะศัตรูรอบ ๆ ข้างให้ตัวเองได้มีชีวิตต่อไป
การออกหากินตอนเช้ามืดหรือตอนใกล้ค่ำของผีเสื้อหลายชนิด เพื่อให้รอดพ้นจากพวกนกต่าง ๆ ที่ออกหากินตอนกลางวัน  ทั้งยังปรับสีสันของปีกให้มีสีค่อนข้างทึบ บางชนิดมีลักษณะเหมือนผีเสื้อกลางคืนไปเลย  เช่น ผีเสื้อสายัณห์สีตาล  ผีเสื้อป่า  ผีเสื้อบินเร็วหลายชนิด
ผีเสื้อบางชนิด เช่น ผีเสื้อหางติ่ง  ผีเสื้อแถบขาว  ผีเสื้อหนอนมะนาว  ผีเสื้อตาลหนาม  และผีเสื้อเจ้าชายเขียว  สามารถบินได้เร็วทำให้ศัตรูไม่สามารถจับได้ทัน  บางชนิดบินร่อนไปช้า ๆ นาน ๆ จะกระพือปีกสักครั้ง  และมีลวดลายบนปีกที่สังเกตได้ยาก  เช่นผีเสื้อลายหินอ่อน  ผีเสื้อกะลาสี  ผีเสื้อร่อนลม  ผีเสื้อจรกา
ผีเสื้อหลายชนิดทำตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติ มีสีสันลวดลายของปีกกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม เช่นผีเสื้อแพนซีมยุรา  ผีเสื้อสายัณห์ตาลบางชนิด  มักเกาะกิ่งไม้หรือต้นไม้ทอดไปตามแนวดิ่ง   ผีเสื้อที่อาศัยตามไม้พุ่มหนาทึบมักมีสีค่อนข้างทึบ เช่นสีน้ำตาล  สีน้ำเงิน หรือสีดำ และมักมีจุดสีอ่อนหรือสีขาวซึ่งมองดูคลัายกับแสงที่ลอดผ่านพุ่มไม้มายังพื้น เช่น ผีเสื้อกะลาสี  ผีเสื้อแถบขาว  ผีเสื้อเจ้าชายม่วง
ผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อสีน้ำเงินมีติ่งหางยื่นยาวออกมาบริเวณปลายปีกคู่หลัง และมีจุดสีดำตรงโดนติ่ง  ทำให้มองดูคล้ายหัวและหนวดเวลาเกาะมักชูท้ายขึ้นเพื่อให้ส่วนหางที่มองดูคล้ายหัวอยู่สูง  เพื่อลวงให้ศัตรูเข้าใจผิด  ทำให้ศัตรูจู่โจมผิดเป้าหมาย
ผีเสื้อที่ไม่มีพิษบางชนิดเลียนแบบสีสัน  ลวดลายของปีกและนิสัยการบินให้ใกล้เคียงกับพวกที่มีพิษ เพื่อหลอกให้ศัตรูไม่กินมัน การเลียนแบบมักจะเลียนแบบเฉพาะลวดลายปีกด้านบน  การเลียนแบบทั้งด้านบนและด้านล่างของปีกมีน้อยมาก