2558/01/18

รำบวงสรวงกรมหลวงประจักษ์




      ชาวอุดรธานีได้เลือกเอาวันที่ " พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิปาคม " พระเจ้าน้องยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รับบรมราชโอการมาปราบโจรจีนฮ่อ จนราบคาบตั้งกองทัพใหญ่ที่ จ.หนองคาย แต่ต้องนำไพร่พลถอยทัพจากริมแม่น้ำโขง ตามสนธิสัญญากรณีพิพาทฝรั่งเศส รศ.112 มาถึงบ้านหมากแข้ง หรือเมืองอุดรธานีในปัจจุบัน และเลือกตั้งกองทัพอยู่ที่นี่ เป็นวันก่อตั้งเมือง หรือวันเกิดเมืองอุดรธานี ซึ่งตรงกับวันที่ 18 มกราคมของทุกปี
      ด้วยพระปรีชาเลือกสถานที่ตั้งเมือง จากบ้านหมากแข้ง สู่เมืองอุดรธานี เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จน กลายเป็นเมืองศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ จึงได้ร่วมกันขอพระบรมราชานุญาต จัดสร้างพระอนุสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมขึ้น และกราบบังคมทูลพระบาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเปิดพระอนุสาวรีย์ฯขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2514




 
 
     นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จังหวัดอุดรธานี ชาวอุดรธานี และกลุ่มสตรีศรีหมากแข้ง ได้จัดให้มีพิธีรำบวงสรวงดวงวิญญาณ "พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิปาคม" เป็นประจำในวันที่ 18 มกราคมทุกปี และนำมาลัยกรไปถวายฯ ในวันเฉลิมฉลองการก่อตั้งเมือง จากการรำที่ใช้ชุด "ไทยอีสานพื้นถิ่น" สีน้ำเงิน-แดง มาเป็นสวมเสื้อสีตามสีธงชาติไทย-ผ้าซิ่นหรือผ้าถุง-พาดผ้าเบี่ยงหรือสไบ
      จนมาถึง พ.ศ.2536 เปลี่ยนสีเสื้อมาเป็น "สีแสด" สีของดอกทองกวาว หรือดอกจาน ที่ใบบันทึกจดหมายของกรมหลวงประจักษ์ฯ รายงานให้กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่าเคลื่อนไพร่พลจากหนองคาย มาถึงบ้านหมากแข้ง ต้นทองกวาวออกดอกบานตลอดเส้นทาง และถูกกำหนดให้เป็น"ดอกไม้ประจำจังหวัดอุดรธานี พร้อมกับปรับปรุงเพลงรำบวงสรวง-ท่ารำ สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
      ทุกวันที่ 18 มกราคมของทุกปี วันเฉลิมฉลองการก่อตั้งเมืองอุดรธานี บริเวณรอบวงเวียนอนุสาวรีย์ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิปาคม จัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีในช่วงเช้า ประกอบพิธีทางศาสนา หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ร่วมถวายพานพุ่ม พิธีเซ่นไหว้บวงสรวง บายศรี-สู่ขวัญ และ "รำบวงสรวง" เป็นการรำของประชาชนชาวอุดรธานีทุกหมู่เหล่า และเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี จนเต็มบริเวณรอบอนุสาวรีย์ฯ ขยายออกไปตามถนนอีก 5 สาย
ในวันที่ 18 มกราคม 2558 เมืองอุดรธานีจะลุเข้าสู่ปีที่ 122


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น